ฟิลเลอร์ Neuramis เหมาะกับทำส่วนไหน?

          Filler Neuramis (นิวรามิส) คือ ยี่ห้อฟิลเลอร์จากเกาหลี เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ที่มีความใกล้เคียงกับสารที่ร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ซึ่งจะผลิตน้อยลงเมื่อคนเราอายุมากขึ้น มีความปลอดภัยสูง ซึ่ง Filler Neuramis จะสามารถช่วยเติมเต็ม ยกกระชับ ปรับรูปหน้า โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เรียกว่า SHAPE technology พัฒนาโดยบริษัท Medytox ประเทศเกาหลี และนำเข้าโดยบริษัท Medyceles ประเทศไทย  เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์แบรนด์ระดับโลกที่ได้รับความนิยม

 

Filler Neuramis ที่รัชวีร์ คลินิก

ฟิลเลอร์ Neuramis ที่รัชวีร์คลินิก มีทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่

Neuramis Deep เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา เป็นหนึ่งในรุ่นที่ผ่าน อย.ประเทศไทย และเป็นฟิลเลอร์เกาหลีรุ่นแรกที่เข้ามาในประเทศไทย ตัวกล่องของฟิลเลอร์ Neuramis Deep จะมีสีดำ หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า “ฟิลเลอร์กล่องดำ” จะมีลักษณะเนื้อเจลหนืดปานกลาง อิ่มฟู มีประสิทธิภาพในการคงตัวค่อนข้างสูง ขึ้นรูปได้ง่าย เหมาะสำหรับเติมเต็มใบหน้าในชั้นลึก ไม่เหมาะกับการฉีดบริเวณผิวชั้นตื้น เพราะอาจทำให้เกิดก้อนได้ สามารถอยู่ได้นาน 6-8 เดือน และสามารถย่อยสลายเองได้

 

Neuramis Deep เหมาะสำหรับ

  1. เติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยต่างๆ ระดับปานกลางบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องลึกใต้ตา ขมับ
  2. สามารถเติมเต็มชั้นผิวให้ดูอิ่มฟู เช่น บริเวณแก้มตอบ แก้มส้ม ขมับตอบ
  3. ปรับรูปหน้าบริเวณที่ต้องการ เช่น หน้าผาก คาง และริมฝีปาก

 

Neuramis Volume Lidocaine เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่มีส่วนผสมของยาชา 0.3% เพื่อช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการรักษา ฟิลเลอร์รุ่นนี้ผ่าน อย.ประเทศไทย เนื้อเจลมีลักษณะหนืด คงรูป และมีความคงตัวสูงที่สุดในบรรดา 3 รุ่น กลืนกับผิวได้ดี มีความยืดหยุ่น ขึ้นทรงสวย สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน และสามารถย่อยสลายเองได้

 

Neuramis Volume Lidocaine เหมาะสำหรับ

  1. เติมเต็มปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก เช่น บริเวณร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก
  2. ยกกระชับผิว บริเวณกรอบหน้า บริเวณแก้มตอบ ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
  3. ปรับรูปหน้า และสัดส่วนของใบหน้า เช่น คาง หน้าผาก ริมฝีปาก
 
 

Filler Neuramis เติมตรงไหนได้บ้าง

          ในรุ่น Neuramis Deep นี้ตัวเนื้อเจลฟิลเลอร์จะมีประสิทธิภาพในการคงตัวค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็มใบหน้าในชั้นลึก เช่น ขมับ คาง ร่องแก้ม แก้มตอบ แต่ไม่เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณผิวตื้นๆอย่างเช่น ใต้ตา (ชั้นตื้น) เพราะสามารถทำให้เกิดก้อนหรือ ลำของฟิลเลอร์ได้

  1. Neuramis Deep
  • เติมเต็มร่องลึก และริ้วรอยต่างๆ ระดับปานกลางบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องลึกใต้ตา ขมับ
  • สามารถเติมเต็มชั้นผิวให้ดูอิ่มฟู เช่น บริเวณแก้มตอบ แก้มส้ม ขมับตอบ
  • ปรับรูปหน้าบริเวณที่ต้องการ เช่น หน้าผาก คาง และริมฝีปาก
 
  1. Neuramis Volume Lidocaine
  • เติมเต็มปัญหาริ้วรอยระดับปานกลางถึงมาก เช่น บริเวณร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก
  • ยกกระชับผิว บริเวณกรอบหน้า บริเวณแก้มตอบ ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • ปรับรูปหน้า และสัดส่วนของใบหน้า เช่น คาง หน้าผาก ริมฝีปาก
 
 

Filler Neuramis อยู่ได้นานแค่ไหน

          ฟิลเลอร์ Neuramis สามารถอยู่ได้นาน 6-24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ของแต่ละบุคคลด้วย หากหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว ฟิลเลอร์ก็สามารถอยู่ได้นานขึ้น

 

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีด Filler (24 ชั่วโมง)

  1. งดดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดแรง 24 ชั่วโมงก่อนฉีดฟิลเลอร์
  2. งดยากลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan
  3. งดวิตามินและอาหารเสริมบางประเภทที่มีฤทธิ์เกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต เช่น Johns Wort, Ginkgo biloba, Primrose oil, Garlic, Ginseng, และ Vitamin E เพราะอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าในระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ และอาจเสี่ยงต่ออาการช้ำหลังฉีดได้
  4. งดยาทาผิวชนิดผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
  5. ไม่ควรแต่งหน้ามาฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาจมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บริเวณผิวหน้า แต่ถ้าไม่สะดวกก็สามารถแต่งหน้ามาได้ เพราะทางคลินิกแต่ละแห่งจะมีการทำความสะอาดบริเวณที่ทำ
 

ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ 

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 3 ชั่วโมง รอยเข็มฟิลเลอร์สามารถโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ ได้ และใครที่ต้องการประคบเย็น แนะนำปรึกษาแพทย์ก่อน ห้ามประคบเองและทำผิดวิธีอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเกิดการเคลื่อนและไม่เกาะผิวได้ ควรประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ในบางกรณีเท่านั้น
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 6 ชั่วโมง ยาชาจะเริ่มหายบวม ถ้ามีจุดไหนที่ยังบวมมาก ประคบเย็นได้ โดยควรประคบเบา ๆ ไม่ควรกดแรง
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง จะเริ่มมีอาการบวมเข็มมากขึ้น สำหรับฟิลเลอร์คนไข้บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าฟิลเลอร์ฟูขึ้นและชอบแบบที่ฟู ๆ นี้ แต่เมื่อผ่านไป 7-14 วัน อาการบวมเข็มยุบลงก็เข้าใจผิดว่าฟิลเลอร์สลายหายไป

การดูผลฟิลเลอร์ควรจะดูหลังฉีดเสร็จทันทีและควรดูผลอีกทีหลังจาก 14 วัน ระหว่างนั้นไม่สามารถประเมินได้เต็มที่เนื่องจากอาจมีอาการบวมอยู่ ช่วงเวลานี้คนไข้สามารถทาครีมทับบริเวณรอยเข็มได้ หรือโดนน้ำได้ปกติ ซึ่งไม่เป็นปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 48 ชั่วโมงแรก แนะนำให้หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น เข้าซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
 

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ 3-14 วัน

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 3 วัน อาการปวดบวมแดง ช้ำ จะเริ่มดีขึ้น หากอาการมีแนวโน้มแย่ลงให้ติดต่อคลินิกเพื่อขอรับยากินเพิ่ม โดยในช่วง 3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ สามารถขยับใบหน้าได้เกือบปกติ แต่อย่าขยับใบหน้าเยอะ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ที่ทำไว้เคลื่อนผิดตำแหน่งได้ ฟิลเลอร์จะเข้าที่แล้วประมาณ 90% แต่ยังไม่ควรกดนวดแรง ๆ
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 7-10 วัน รอยเขียวช้ำอาจจะยังมีอยู่จะค่อย ๆ จางลงเองใน 14 วัน และไม่ควรประคบร้อน ในบางเคสจะยังคลำเจอฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ปกติ เป็นอาการบวมเข็ม จะค่อย ๆนิ่มลงเองภายใน 2-3 สัปดาห์
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ 14 วัน อาการบวมจะหายไปเกือบ 100% สำหรับฟิลเลอร์จะเริ่มนิ่มลงและกลืนไปกับผิว ยกเว้นฟิลเลอร์ในรุ่นที่ฉีดในผิวชั้นลึกเพื่อยกพยุงหน้า เช่น Restylane-Perlane-Lyft หรือ Juvederm-Voluma จะคลำได้เนื้อฟิลเลอร์ในผิวชั้นลึก แต่จะมองไม่เห็นจากภายนอก ซึงเป็นอาการปกติ  ทั้งนี้สามารถออกกำลังกาย หรือรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่พยายามเลี่ยงความร้อน
 

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ 1 เดือน

  1. งดการทำทรีตเมนท์ เลเซอร์ร้อน ที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิด เช่น RF thermage ควรเว้นอย่างน้อย 1 เดือนหลังทำ
  2. แนะนำการดื่มน้ำ คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นาน เนื่องจากใน particle ของฟิลเลอร์โมเลกุลของฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายไปและถูกแทนที่ด้วยโมเลกุลของน้ำ เป็นการสลายแบบ Isovolumetric degradation
 
 

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้

           ในปัจจุบันฟิลเลอร์ Neuramis ที่ผ่านอย.ประเทศไทยมีให้เลือกเพียง 3 รุ่น และลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์ไม่ค่อยแตกต่างกันมาก ทำให้มีข้อจำกัดในการฉีด เช่น ฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับนำมาฉีดในบางจุด เช่น บริเวณใต้ตา เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์โมเลกุลใหญ่ อาจทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูแข็ง มองเห็นเป็นก้อน

          อีกหนึ่งผลข้างเคียงที่อาจพบได้จากการฉีดฟิลเลอร์คือ อาการบวมแดง คัน จากรอยเข็ม แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 7-14 วัน สำหรับภาวะแทรกซ้อนรองลงมาอาจเกิดก้อนขึ้นใต้ผิวหนัง และฟิลเลอร์เคลื่อนที่ ไหลลงมากองรวมกัน ในกรณีนี้อาจเกิดจากความไม่ชำนาญ และเทคนิดการฉีดที่ไม่ถูกต้องของแพทย์ผู้รับผิดชอบ ส่วนผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุดคือ สารฟิลเลอร์เข้าไปขัดขวางหลอดเลือด อาจส่งผลให้เนื้อเยื่อตาย และเสี่ยงตาบอดได้

 

แชร์โพสต์นี้:

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมรับสิทธิพิเศษ! คลิก

RATCHAWI CLINIC สร้างความมั่นใจ "ในแบบที่เป็นคุณ"